เลือกรองปธ.สภาฯคนที่2สุดป่วน"ศุภชัย"ชนะขาด
การเมือง
ภายหลังลงคะแนนเสร็จสิ้น ช่วงที่อยู่ระหว่างการนับคะแนนนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนได้พยายามทักท้วงกรณีที่มีสมาชิกบางส่วนเดินไปที่หน้าเวทีนับคะแนน พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพและวิดีโอในช่วงที่มีการขานคะแนนจากบัตรลงคะแนน โดยตั้งข้อสังเกตว่า บัตรบางใบเขียนเฉพาะชื่อ ขณะที่บัตรบางใบเขียนทั้งชื่อและนามสกุล อีกทั้งบัตรบางใบมีการเขียนสัญลักษณ์ด้วย ไม่รู้ว่าเป็นการแสดงสัญลักษณ์ต่างๆ ว่าเป็นบัตรลงคะแนนของใครหรือไม่ ดังนั้น อยากให้ประธานฯ วินิจฉัยว่า การถ่ายภาพและวีดิโอระหว่างนับคะแนนนั้นทำได้หรือไม่ รวมทั้งยังมีกรณีการขานคะแนนในบัตรใบแรกที่เขียนชื่อเป็นนายศุภชัย ใจสมุทร ไม่ใช่นายศุภชัย โพธิ์สุ แต่กรรมการนับคะแนนวินิจฉัยให้เป็นบัตรดีด้วย ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการถ่ายภาพและวีดีโอเพื่อวางบิลกันหรือไม่ ขอให้ประธานฯ วินิจฉัยว่าการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการประชุมลับหรือไม่ ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายว่า มีความพยายามที่จะทำให้การลงมติลับของสมาชิกไม่ลับ เพราะมีการทำสัญลักษณ์บางประการใช่หรือไม่ ขอเสนอว่า เมื่อนับคะแนนเสร็จแล้วขอดูบัตรก่อนที่จะมีการทำลายได้หรือไม่
นายชัย ชี้แจงว่า กรณีการเขียนชื่อผิดเป็นนายศุภชัย ใจสมุทรนั้น เจตนาคือต้องการลงคะแนนให้นายศุภชัย โพธิ์สุ แต่อาจเขียนนามสกุลผิด ขอให้ดูเจตนาเป็นสำคัญ ส่วนการถ่ายวีดิโอระหว่างนับคะแนนนั้นตามระเบียบระบุไว้ว่า การลงคะแนนเป็นความลับ ส่วนการนับคะแนนต้องทำอย่างเปิดเผย ตอนนี้เป็นยุคดิจิตอลจึงไม่ควรถือสากัน จากนั้นจึงสั่งให้ดำเนินการนับคะแนนต่อไปจนเสร็จ โดยผลปรากฏว่า นายศุภชัยได้ 256 คะแนน ส่วนนายประสงค์ได้ 239 คะแนน ทำให้นายศุภชัยได้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นทักท้วงอีกครั้ง โดยขอให้นายชัยวินิจฉัยให้การขานคะแนนบัตรใบแรกที่เขียนชื่อผิดเป็นนายศุภชัย ใจสมุทรนั้นเป็นบัตรเสีย พร้อมทั้งขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการนับคะแนนว่ามีความถูกต้องหรือไม่
ขณะที่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย อยากให้ผ่านไป ความจริงอยากยกคะแนนให้ 5 คะแนนถ้าทำได้ เพราะชนะกันเยอะเหลือเกิน สร้างความไม่พอใจให้กับส.ส.พรรคเพื่อไทยอย่างมาก และได้ลุกขึ้นอภิปรายตอบโต้หลายคน อาทิ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ที่ลุกขึ้นประท้วงว่า อย่าย่ำยีหัวใจกันให้มากเกินไป ในสภาฯ นี้ไม่มีใครเก่งกว่าใคร ขอให้ถอนคำพูดดังกล่าว
นายชัย จึงชี้แจงว่า ตอนนี้ยังไม่มีข้อบังคับการประชุมที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการนับคะแนนได้ จึงยังไม่สามารถดำเนินการตามที่ต้องการได้ ขณะที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนยังพยายามทักท้วงและเรียกร้องให้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบการนับคะแนน รวมทั้งขอให้วินิจฉัยว่าบัตรใบแรกที่เขียนชื่อนามสกุลผิดนั้นเป็นบัตรเสีย เมื่อที่ประชุมยังคงโต้เถียงกันไปมา นายชัยจึงได้ตัดบทว่า จะให้นำปัญหาที่มีการอภิปรายไปเขียนไว้ในข้อบังคับการประชุมที่จะมีการร่างขึ้นใหม่ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต จากนั้นจึงสั่งปิดการประชุมในเวลา 17.43 น.