ข่าวสทนช.จ่อใช้เรดาร์วัดทิศทางฝน เฝ้าระวังพื้นที่กทม.14จุด - kachon.com

สทนช.จ่อใช้เรดาร์วัดทิศทางฝน เฝ้าระวังพื้นที่กทม.14จุด
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้สั่งการให้กรมชลประทาน นำเครื่องมือบรรเทาอุทกภัยในหน้าที่ของกรมชลฯไปเตรียมพร้อมในพื้นที่ รองรับสถานการณ์ฝนตามคำเตือนของกรมอุตุฯฝนหนัก27-30พ.ค. เช่นเครื่องสูบน้ำ เครื่องดันน้ำ รถสำหรับทำทางระบายน้ำหรือขจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำไว้แล้ว และให้กรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง เตรียมพร้อมลงช่วยเหลือดูแลเกษตรกรทั้งด้านพืช ปศุสัตว์และประมง พร้อมทั้งหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมบูรณาการกับกระทรวงมหาดไทยด้วย

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าได้เตรียมพร้อมตามข้อสั่งการของรมว.เกษตรฯรับมือประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้วโดยภัยแล้งเริ่มคลี่คลายในช่วงนี้พื้นที่ภาคอีสานมีฝนตกในหลายพื้นที่ส่งผลดีทำให้มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ แม้ว่าช่วงนี้กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเข้าสู่ฤดูฝน และมีฝนตกในหลายพื้นที่ แต่ช่วงปลายเดือนมิ.ย. ไปจนถึงกลางเดือนก.ค.อาจจะมีฝนทิ้งช่วง ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่เกษตรกรทำการเพาะปลูกข้าวนาปี ซึ่งกรมชลฯจะติดตามรายพื้นที่เพื่อส่งน้ำช่วยพื้นที่เพาะปลูก เสริมจากน้ำฝน

ขณะที่นายสมกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่าจัดทำวิจัยและทำแผนแม่บทแก้ปัญหาพื้นที่นํ้าท่วมซํ้าซาก ซึ่งในปีนี้มีพื้นที่เสี่ยงนํ้าท่วมทั้งประเทศ 28.11 ล้านไร่ แบ่งเป็นกลุ่มพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 5.13 ล้านไร่ อาทิ ลุ่มนํ้าปิง เชียงใหม่-ลำพูน,ลุ่มนํ้าปิงตอนล่าง, ลุ่มนํ้ายมตอนบน ส่วนภาคกลาง  8.07 ล้านไร่ ลุ่มนํ้าป่าสัก ลุ่มนํ้าเพชรบุรีและลุ่มนํ้าปราจีนบุรี รอบเมือง ลุ่มน้ำเจ้าพระยา นครสวรรค์ -กรุงเทพฯ

ภาคตะวันออก 1.52 ล้านไร่ พื้นที่เสี่ยงนํ้าท่วม เช่น ลุ่มนํ้าบางปะกง-ลุ่มนํ้าปราจีนบุรี เป็นต้น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11.75 ล้านไร่ ลุ่มนํ้าโขงตอนบน, ลุ่มนํ้าห้วยหลวง, ลุ่มนํ้าชีตอนล่าง เป็นต้น และภาคใต้ มีพื้นที่เสี่ยง 1.26 ล้านไร่ ลุ่มน้ำตาปี จ.ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ ธานี เป็นต้น

สภาพอากาศในช่วงฤดูฝนปี 2562 คาดจะใกล้เคียงกับปี 2550 มีอ่างเก็บนํ้าที่น่าเป็นห่วงคือ อ่างเก็บนํ้าศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีน้ำ 79% โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ปริมาณฝนค่าเฉลี่ยปีนี้เท่ากับปี 2550 มีฝนน้อย โดยเดือนพ.ค.จะมีปริมาณฝนตํ่ากว่าค่าเฉลี่ย 25% เดือนมิ.ย.ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย เดือนก.ค. ตํ่ากว่าค่าเฉลี่ย 25% รวม 3 เดือนตํ่ากว่าค่าเฉลี่ย 10% ขณะที่คาดจะมีพายุเข้าไทย 1-2 ลูกในปีนี้ ในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.

สถานการณ์น้ำเขื่อนที่มีปริมาณนํ้าน้อยไม่ถึง 30% ของความจุ มี 177 แห่ง เสี่ยงวิกฤติขาดแคลนนํ้าทำนาในฤดูแล้งปีหน้าหากฝนปีนี้มาน้อยลง ซึ่งคณะทำงานบริหารจัดการน้ำ จะทำแผนรับสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับปัจจุบันภาพรวมปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศ รวม  4.02 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) หรือ 53% เป็นน้ำใช้การได้ 1.6 หมื่นล้าน ลบ.ม. หรือ 31% น้อยกว่า ปี61 กว่า 5,980 ล้านลบ.ม. เขื่อนต่างๆยังรับน้ำได้อีก 3.58 หมื่นล้านลบ.ม.
 
นายสมเกียรติ กล่าวว่าพื้นที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมขังในกรุงเทพมหานคร มีจุดเฝ้าระวัง 56 จุด และจุดเสี่ยงอีก 14 จุด ซึ่งมาตรการรับมือฝนได้วางแผนเร่งระบายน้ำ จะใช้สถานีเรดาร์ตรวจวัดกลุ่มฝนที่จะเข้ามาตกแต่ละพื้นที่ เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าประจำจุด และปฏิบัติตามแผนระบายน้ำ ซึ่งขณะนี้ได้ลอกท่อระบายน้ำ ทั้ง 6,400 กิโลเมตร และคูคลองอีก 1,682 คลองไว้พร้อมระบายน้ำแล้ว รวมทั้งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดเฝ้าระวังและจุดเสี่ยง แต่ละพื้นที่ไว้แล้ว

ด้านเว็บไซส์สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(สสนก.)องค์กรมหาชน ระบุถึงสถานการณ์เขื่อนน้ำน้อยวิกฤต(%น้ำใช้การฯ) เช่น เขื่อนอุบลรัตน์(0%),เขื่อนสิรินธร(1%),เขื่อนกระเสียว(9%),เขื่อนขุนด่านปราการชล(11%),เขื่อนป่าสักฯ(12%),เขื่อนทับเสลา(13%),เขื่อนคลองสียัด(13%),เขื่อนสิริกิติ์(15%),เขื่อนลำพระเพลิง(15%),เขื่อนห้วยหลวง(16%),เขื่อนแควน้อย(16%),เขื่อนภูมิพล(16%),เขื่อนแม่กวง(16%),เขื่อนนฤบดินทรจินดา(17%),เขื่อนวชิราลงกรณ(18%) เขื่อนน้ำมากวิกฤต(%รนก.) : ไม่มี สำหรับสถานการณ์เตือนภัยฝนในระดับปกติ และสถานการณ์พายุ ยังไม่มีพายุเข้าใกล้ประเทศไทยขณะนี้.