รุมแซะปชป.ได้คืบเอาศอก ยกแก้รธน.ต่อรองประโยชน์
การเมือง
โดยภายหลังการประชุม นายภูมิธรรม เปิดเผยว่า เราได้หารือและประมวลสถานการณ์ทั้งหมด ก็พึงพอใจในหน้าที่ที่ได้ทำอย่างดีที่สุด เรายังยืนยันยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกพวกเรามา และยืนยันว่าเรายังยึดมั่นในสิ่งที่ได้แถลงต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พยายามให้ประเทศไทยกลับสู่สภาวะที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ต้องการเห็นการสืบทอดอำนาจ ไม่อยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาทำหน้าที่ต่อ ซึ่งใน 5 ปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่ามีปัญหา เราอยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง ให้เข้าสู่สภาวะปกติ เพราะเรารู้ว่ากฎหมายรัฐธรรมมนูญ และกฎหมายต่าง ๆ สร้างปัญหาให้กับประเทศไทยอย่างไรบ้าง ซึ่งเราทุกคนยึดมั่นว่าจะดำเนินการกันต่อไป และจะจับมือกันทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรอย่างสมบูรณ์ที่สุด เพื่อตอบสนองเจตนารมณ์ของประชาชน
เมื่อถามว่าตอนนี้พรรคพลังประชารัฐ ได้เทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ในการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว พรรคเพื่อไทยจะเตรียมพร้อมอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากนี้ไปจะเป็นกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเราต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯประธานสภาฯ ให้เรียบร้อย ก็จะมีการประชุม และยังยืนยันว่าสิ่งที่เรายึดมั่น และตัดสินใจเลือกไปในทิศทางเดียวกันเหมือนเดิม
เมื่อถามว่าทั้ง 7 พรรคจะมีแนวทางการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีอย่างไร จะเสนอบุคคลที่แต่ละพรรคได้เสนอไว้กับประชาชนตอนหาเสียง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพียงคนเดียว นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนคิดว่าเราต้องเชื่อมั่นในสมาชิกพรรคของเราทุกคน เราเชื่อมั่นใน 7 พรรคของเรา เชื่อว่าเสียงโหวตจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และจะสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนชัดเจน ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะต้องคุยกันต่อ เพื่อตัดสินใจในทิศทางเดียวกัน ตอนนี้ยังมีเวลา เพราะยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประธานสภาฯ แต่ขณะนี้เราได้มีการหารือ ในแนวทางต่าง ๆ เหล่านี้ไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสม เราก็จะเสนอรายชื่อที่ชัดเจน
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรไปถึงพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่กลับมาจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และถ้าเกิดการเลือกครั้งนี้มีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคประชาธิปัตย์ควรจะมีท่าทีอย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า สิ่งที่นักการเมืองพูดไว้กับประชาชน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การที่ได้แสดงเจตนารมณ์และประกาศอะไรไปต้องยึดมั่นในสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ฉะนั้นตนคิดว่าแต่ละพรรคต้องกลับไปดูว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะสะท้อนให้ประชาชนเห็นว่าเราเป็นนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ ประชาชนหรือไม่ จริงใจในสิ่งที่ได้พูดได้แสดงออกหรือไม่ จึงต้องเคารพในสิ่งที่ได้พูดไว้กับประชาชน และตนเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะต้องนำสิ่งเหล่านี้ไปคิด ใครก็ตามที่ไม่สามารถยืนยันกับพี่น้องประชาชนไว้ หรือทรยศกับสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ ประชาชนจะต้องตัดสินใจและจัดการกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ด้าน นายธนาธร กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าเราไม่ต้องการการสืบทอดอำนาจ ไม่ต้องการ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมา หรือไม่ต้องการให้ระบอบ คสช. อยู่กับเราในรูปแบบของรัฐธรรมนูญปี 60 ไม่ต้องไปเรียกร้องให้พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนหลักในการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังคาดหวังไปคุยให้พรรคพลังประชารัฐแก้รัฐธรรมนูญ มองว่าเป็นเรื่องตลก และเป็นไปไม่ได้ เพราะพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่ตั้งมาเพื่อสืบทอดอำนาจของระบอบ คสช. ถ้าต้องการแก้รัฐธรรมนูญจริง ๆ จะเห็นอยู่แล้วว่าพรรคการเมืองกลุ่มไหนที่ต้องการทำ และหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. มันเลือกข้างได้ชัดเจน
"ไปดูหัวบันไดพรรคผม ใสปิ๊ง ขัดรอทุกวันเลย ดังนั้นเลือกได้อยู่แล้วถ้าต้องการจะแก้รัฐธรรมนูญ ต้องการจะหยุดยั้งอำนาจ คสช. เลือกข้างไปตั้งนานแล้ว แต่ที่ทำอยู่ไม่มีอะไร เพียงแค่ได้คืบจะเอาศอก ได้ประธานสภาไปแล้ว ก็เอารัฐธรรมนูญมาต่อรองต่อ นี่คือเรื่องผลประโยชน์ไม่ใช่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่" นายธนาธร กล่าว.