'วิษณุ'ขอชาแพทย์จีนเสิร์ฟส.ส.ในสภา บรรเทาแก้ร้อนใน
การเมือง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งก่อนการเปิดการสัมมนาฯ ว่า นับตั้งแต่นายสี จิ้น ผิง ประธานธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดนโยบาย 1 แถบ 1 เส้นทาง ก็เป็นการย้ำถึงการผูกมิตรกับประเทศทั้งหลาย รวมถึงประเทศไทย จะทำเรื่องสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจีน ซึ่งอันที่จริงประเทศไทยและประเทศจีน เป็นเหมือนพี่น้องที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมายาวนานถึง 4 ด้านคือ ด้านการทูต การค้า วัฒนธรรม และสายเลือด ซึ่งหลายๆ วัฒนธรรมของจีนก็ได้กลมกลืนมาสู่วัฒนธรรมไทย เช่นอาหารการกินและหยูกยาต่างๆ คนไทยแม้กระทั่งคนไทยในชนบทต่างก็รู้จักหมอแมะ การฝังเข็ม ยาจีน เป็นต้น และปัจจุบันการแพทย์แผนจีนในประเทศไทยได้จัดให้เป็นการแพทย์ทางเลือก และเดินหน้าถึงขั้นเป็นศาสตร์การแพทย์ทางเลือกสมัยใหม่ ก้าวไปถึงเรื่องสเต็มเซลล์ สมองเทียม เป็นต้น เป็นการพัฒนาที่ไกลมาก และเป็นความรู้สำคัญที่ควรมีการเรียนรู้ ต่อยอดส่งเสริมกัน ส่งใด้ที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นเป็นการดีที่มีการจัดประชุมร่วมกันระหว่างไทย จีน เป็นครั้งแรกซึ่งตนก็หวังว่าจะมีการจัดต่อเนื่อง
นายวิษณุ ยังกล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ จากที่ฟังหลายท่านพูดมาเห็นว่ามีชาจีนชงเพื่อแก้อาการร้อนในด้วย ซึ่งวันนี้การเมืองไทยวุ่นวายมาก คิดว่าถ้าเอาชานั้นมาชงแจกให้คนที่เกี่ยวข้องในสภาได้กินคิดว่าน่าจะบรรเทาอาการแก้ร้อนในกันได้
นพ.มรุต จิระเศรษฐศิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า แพทย์แผนจีนเป็นทั้งวัฒนธรรม และศาสตร์การดูแลรักษาสุขภาพมานานนับพันปี และขยายสู่ประเทศอื่น รวมถึงประเทศไทยด้วย วันนี้เป็นโอการที่ดี และต้องขอบคุณที่มีการจัดสัมมนาครั้งนี้ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาศาสตร์การแพทย์แผนจีนในประเทศไทย อีกทั้งจะเป็นการส่งสริม สนับสนุนทั้งการแพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีนต่อไปอีกด้วย
ด้านนางหวัง กุ้ย หัว เลขาธิการสมาคมแพทย์แผนจีน กล่าวว่า วันนี้อุตสาหกรรมแพทย์แผนจีนพัฒนาก้าวไกลมาก รัฐบาลให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ทำให้ขณะนี่ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีการส่งออกสารออกสาคออกฤทธิ์ท้งจากพืช และสัตว์ เป็นอันดับ 2 ของโลก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,700 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันมีสารที่พัฒนาได้กว่า 13,000 ชนิด และจะมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ และสิ่งที่ท้าทายคือกาคสร้างการยอมรับ เพราะปัจจุบัน คนแพทย์แผนปัจจุบันบางคนอาจจะยังไม่ทราบ หรือยังไม่เข้าใจศาสตร์การแพทย์แผนจีนมากนัก จึงต้องสร้างความเข้าใจตรงนี้ซึ่งรับเป็นเรื่องท้าทาย.