"ศรีนวล-มาดามเดียร์"ยืนยันทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
การเมือง
น.ส.ศรีนวล กล่าวอีกว่า แม้พรรคอนาคตใหม่อาจจะต้องเป็นฝ่ายค้าน ก็ไม่คิดว่าการผลักดันแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนจะเกิดปัญหา ที่ผ่านมาเคยทำงานอยู่ที่อบจ.เชียงใหม่ ไม่ได้เป็นฝ่ายบริหารแต่เราก็ทำความดีจนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนก็นำปัญหาของประชาชน เขามาสู่สภาอบจ. และก็สามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ จึงอยากผู้แทนที่จะเข้ามาทำงานแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่ามองว่าตัวเองอยู่ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ แต่ให้มองปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนว่าเราจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
น.ส.ศรีนวล ยังกล่าวอีกว่า เชื่อว่าปัจจัยที่ทำให้ตนได้รับคะแนนในการเลือกตั้งครั้งนี้ถึง 7 หมื่นคะแนนมาจากเยาวชนคนรุ่นใหม่อยากได้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นคนหนุ่มไฟแรงเข้ามาทำงาน อีกทั้งนโยบายของพรรคก็ชัดเจน และพรรคประกาศตัวว่าอยู่ฝั่งประชาธิปไตย รวมถึงการที่ตนทำงานกับชุมชนมานาน จนเกิดเป็นรูปธรรมจึงได้รับความไว้วางใจ คะแนนที่ได้รับเป็นคะแนนที่สะอาดบริสุทธิ์ไม่เคยซื้อเสียง โดยขอแจงว่าที่มีการออกข่าวว่าหัวหน้าพรรคบังคับผู้สมัครไปกู้เงิน 3 ล้านบาท เพื่อไปจ่ายให้กับหัวคะแนน ยืนยันว่าไม่จริง หัวหน้าพรรคไม่เคยให้ไปกู้เงินมา แม้กระทั่งเงินค่าน้ำมันรถหาเสียงก็ใช้เงินของตัวเอง หัวหน้าพรรคตั้งใจมาทำงานเพื่อประเทศชาติ ขณะที่ตนลงสมัครครั้งนี้กับพรรคอนาคตใหม่เพราะว่าตนมีอุดมการณ์ตรงกับหัวหน้าพรรค
ขณะเดียวกัน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมารับหนังสือรับรอง ส.ส.เพื่อไปรายงานตัวที่สภาผู้แทนราษฎร โดย น.ส.วทันยา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนรู้สึกดีใจ และตั้งใจว่าในการเข้ามาทำหน้าที่ ส.ส. ครั้งแรก ในฐานะตัวแทนของประชาชน และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนในเรื่องของงานจะดูความเหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งตนสนใจในเรื่องของเทคโนโลยี และครั้งหนึ่งเคยเข้าไปทำงานในวงการกีฬา เลยมีความตั้งใจที่จะเข้ามาทำงานตรงจุดนี้ ส่วนการที่ตนอยู่ลำดับสุดท้ายของบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐซึ่งอาจจะหลุดหากมีการเลือกตั้งและการคำนวณใหม่นั้น ตนไม่มีความกังวล เพราะจากที่เคยทำงานในวงการกีฬาได้สอนให้เรารู้แพ้ รู้ชนะ และสำคัญ คือการรู้อภัย ไม่ว่าผลคำนวณจะออกมาอย่างไร เราก็พร้อมยอมรับกติกา ซึ่งก็มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนในเรื่องของการคำนวณ
เมื่อถามว่าธุรกิจที่เคยทำอยู่จะเป็นปัญหาต่อการเข้ามาทำงานหรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะก่อนที่จะเข้าสมัครเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ ตนได้ศึกษาข้อกฎหมายอย่างครบถ้วน และปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอนครบถ้วนแล้ว และเมื่อถามย้ำว่ามีความกังวลหรือไม่ เพราะขณะนี้คนในครอบครัวยังถือหุ้นสื่ออยู่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ไม่กังวลและคิดว่าไม่เป็นปัญหา ยืนยันก่อนที่เข้ามาได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายทุกกระบวนการ ทั้งส่วนของตัวเอง สามี และครอบครัว ส่วนกรณีถือหุ้นสื่อนั้นยอมว่าเคยมี แต่ได้ทยอยขายหุ้นสื่อ ทุกๆบริษัทไปตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2561 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะสมัครสมาชิก และ ส.ส.บัญชีรายชื่อชองพรรคพลังประชารัฐ โดยมีเอกสารของการขายหุ้นยืนยันอย่างชัดเจน
ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ น.ส.วทันยา กล่าวว่า อย่างที่ปรากฏเป็นข่าว และเท่าที่ทราบทางผู้ใหญ่ของพรรคอยู่ระหว่างการเจรจากับพรรคที่เราอยากจะเชิญเข้ามาร่วมรัฐบาล ซึ่งก่อนที่จะมีการตั้งรัฐบาล จำเป็นที่จะต้องมีการพูดคุยกัน ปรับจูนในเรื่องนโยบายการทำงาน และในส่วนของการจัดสรรกระทรวงต่างๆ เป็นเรื่องปกติของการจัดตั้งรัฐบาล ที่ต้องมีการเจรจากัน
ส่วนกรณีแกนนำพรรคพลังประชารัฐบางคนออกมาพูดว่า อาจจะต้องเลือกนายกฯไปก่อน ถ้าเกิดปัญหาก็อาจจะมีการยุบสภาในภายหลังนั้น น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตนได้ฟังการสัมภาษณ์ของนางณัฎฐพล ทีปะสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค ก็ไม่เห็นว่าถ้อยคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวจะมีการชี้ประเด็นไปที่ให้มีการเลือกนายกฯก่อน แต่ตรงกันข้ามนายณัฎฐพลย้ำชัดเจนว่าในเรื่องปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในขั้นตอนระหว่างการพูดคุย และสำคัญที่สุดทุกคนในพรรคพลังประชารัฐรู้สึกตรงกันว่าเราไม่อยากให้ปัญหาไปถึงจุดนั้น เพราะในการทำงานเราอยากจะฟังเสียงของประชาชน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด และเราอยากให้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีเสถียรภาพ และดำเนินไปด้วยความราบรื่น ไม่ประสงค์ที่จะให้การเลือกหรือการจัดตั้งรัฐบาลไปถึงจุดนั้น
เมื่อถามว่าจะไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อยใช่หรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตนไม่ขอแสดงความเห็น แต่จากที่แกนนำให้สัมภาษณ์ว่าพรรคพลังประชารัฐจะไปเชิญพรรคต่างๆ เข้ามาร่วม และจะมีการพูดคุย ซึ่งขั้นตอนการเจรจาก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการของพรรคพลังประชารัฐ และเราก็อยากจะทำให้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะมีการเลือกนายกฯ ถ้าดูจากเจตนารมณ์ของพรรคพลังประชารัฐ เราอยากให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดเสถียรภาพ.