ข่าวรมว.สธ.สั่งตรวจสอบปมใช้น้ำมันกัญชารักษาHIVหาย - kachon.com

รมว.สธ.สั่งตรวจสอบปมใช้น้ำมันกัญชารักษาHIVหาย
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
จากกรณีมีรายงานข่าวว่าสามี ภรรยา คู่หนึ่งที่ ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ติดเชื้อเอชไอวี มากว่า 20 ปี โดยภรรยาป่วยระยะสุดท้าย นอนไม่ได้สติ คู่เคยเข้ารับการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน แต่อาการไม่ดีขึ้นโดยเฉพาะภรรยาอาการทรุดหนัก จากร่างกายไม่ตอบสนองใดๆ แต่หลังจากพยาบาลวิชาชีพแนะนำให้ทดลองใช้น้ำมันสกัดจากกัญชาได้เพียง 9 วัน อาการก็ดีขึ้นเริ่มขยับตัวได้ และจนถึงวันนี้ใช้มาได้ 24 วัน สามารถลุกขึ้นนั่งพูดคุยโต้ตอบเริ่มช่วยเหลือตัวเองได้

เมื่อวันที่ 29 พ.ค.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เนื่องจากนี่เป็นคำบอกเล่าของผู้ป่วย ตนก็จะมอบหมายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ หรือสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ย้ำว่าไม่ได้ลงไปเพื่อจับผิด แต่จะไปดูว่าจริงหรือไม่ หากจริงคงเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อไป อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาไม่เคยมีรายงานในโลกว่ากัญชารักษาเอชไอวีได้ ส่วนใหญ่การใช้กัญชาจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบรรเทาอาการที่เกิดจากโรคมากกว่า ไม่ใช่การรักษาโรคโดยตรง อาทิ อาการปวด แล้วน้ำมันกัญชาที่ไม่ได้เอามาตรวจสอบค่าสารสำคัญก็ยังบอกอะไรไม่ได้ เพราะแต่ละขวดมีปริมาณสารสำคัญแตกต่างกัน

รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทยวันนี้ระบบสุขภาพของไทยให้การดูแลหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะฉะนั้นขณะนี้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากการติดเชื้อเอชไอวีน้อยมาก หากมีโรคอื่น เพราะมีการให้ยาต้านไวรัสทันทีทุกคนรายที่มีการตรวจเจอเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยไม่มองว่าระดับซีดีโฟว์ (CD4) เท่าไหร่ และเครือข่ายภาคประชาชน เอ็นจีโอด้านเอชไอวี/เอดส์ ก็มีความเข้มแข็งในการดูแลติดตามผู้ติดเชื้อ เมื่อกินยาต้านตามที่แพทย์สั่งสุขภาพจะเหมือนคนปกติเลย มีชีวิตที่ยืนยาว ก็เหมือนคนเป็นโรคเบาหวาน ที่กินยาต่อเนื่อง คุณภาพชีวิตดีมาก อาจจะมีบ้างเรื่องปัญหาการตีตรา ที่เรากำลังแก้ไข วันนี้เรื่องการแก้ปัญหาเอชไอวี ประเทศไทย 1 ในประเทศในโลกที่ทำได้ดี

นพ.ปิยะสกล กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ตนให้ความเห็นว่ากัญชายังเป็นยาเสพติด ที่ต้องควบคุมการใช้ แล้วมีว่าที่ผู้ที่จะมาบริหารกระทรวงสาธารณสุขบอกว่ามีวามเห็นต่างจากตนนั้น เรียนว่าไม่เป็นไร ทุกคนเห็นต่างกันได้ เพราะเป้าประสงค์ของตนก็เหมือนของเขา คือที่เราทำมาตลอดเพราะอยากเห็นประชาชนสุขภาพดี สังคมดี เศรษฐกิจดี อยู่แล้ว ดังนั้นการเห็นต่างไม่ใช่การผิดใจกัน

ด้าน นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มให้ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยไม่ดูค่า CD4 มาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว และได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดและได้ผลดีทั่วโลกให้การยอมรับ ส่วนกรณีที่มีการพบว่าสามีภรรยาได้รับการหยอดน้ำมันกัญชาแล้วอาการดีขึ้นนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าน้ำมันกัญชาสามารถลดเชื้อเอชไอวีได้หรือไม่ ทั้งนี้เชื่อว่าการได้รับน้ำมันกัญชาน่าจะทำให้ร่างกายกระชุ่มกระฉวยขึ้น แต่ขณะนี้ยังยืนยันว่ายาอะไรก็ไม่ดีเท่ากับยาต้านเชื้อเอชไอวี ที่ไทยแจกฟรีในขณะนี้ ขอเตือนผู้ที่ติดเชื้อฯ ว่าอย่าไปเชื่อเรื่องการใช้สมุนไพรรักษาโรค จนทิ้งการรักษาหลักหรือไม่รับประทานยา เพราะอาจจะเป็นภัยกับทั้งตัวของผู้ป่วยและภรรยาเอง หากจะมีการใช้สมุนไพรจริงๆ ก็ขอให้ใช้เป็นในรูปแบบอาหารเสริม อย่างไรก็ตามหากมีการระบุว่าได้รักษากับแพทย์แผนปัจจุบันแต่อาการยังไม่ดีขึ้น ยิ่งน่าเป็นห่วงเพราะอาจจะเกิดการดื้อยาได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็ต้องไปแจ้งกับแพทย์เพื่อทำการเปลี่ยนยาให้

นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย กล่าวว่า กรณี 2 สามี ภรรยาที่ จ.เพชรบูรณ์นั้นตนไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวมองว่ากัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล และเรื่องนี้คงต้องแยกส่วนกัน กรณีที่บอกว่าถ้าผลตรวจเป็นลบ ต้องดูว่าที่ผ่านมาเขารักษาด้วยยาต้านไวรัสจนสามารถกดเชื้อเอชไอวีต่ำมากๆ หรือไม่ อีกประเด็นเราไม่รู้ว่าที่นอนติดเตียงเพราะป่วยเป็นโรคฉวยโอกาสอื่นๆ หรือไม่ ต้องแยกแยะการใช้น้ำมันกัญชาที่อาการดีขึ้นอาจจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเอชไอวี ทั้งนี้ปัจจุบัน การรักษาเอชไอวีที่เป็นมาตรฐานทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยคือการรับยาต้านไวรัสให้เร็วที่สุด ดังนั้นขอผู้ติดเชื้อฯ อย่าผลีผลาม หากทิ้งการรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ หันไปพึ่งการรักษาทางเลือกที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ อาจจะทำให้เสี่ยงเกิดการดื้อยา รักษายาก  ซึ่งเราเคยมีบทเรียนมาแล้วในอดีต.