ข่าวปชป.ยังแง้มประตูรอ! จี้พปชร.เอาให้ชัดใครมีอำนาจเจรจา - kachon.com

ปชป.ยังแง้มประตูรอ! จี้พปชร.เอาให้ชัดใครมีอำนาจเจรจา
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.  นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการหารือจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่พรรคพลังประชารัฐเกิดปัญหาภายในเคลียร์กันไม่ลงตัว  ว่า  พรรคประชาธิปัตย์เสนอแนวทางการทำงานร่วมกัน คือแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และต้องนำนโยบาย “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” รวมถึงการประกันรายได้พืชผลทางการเกษตร ต้องเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายรัฐบาล หากพรรคแกนนำรับเงื่อนไขนี้ได้ จึงมาคุยกันในรายละเอียดเรื่องการจัดสรรตำแหน่ง ดังนั้นคนที่เป็นแกนหลักต้องพิจารณาที่จะทำอย่างไรให้ได้สมบูรณ์ทั้งหมด ไม่ใช่ได้แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฉะนั้นคนที่เป็นแกนหลักต้องมีความอดทนในการประสานงานและเจรจา โดยต้องรู้ว่าจุดไหนที่จะทำให้เดินหน้าต่อไปได้ ที่สำคัญคือต้องให้เกียรติกันและกัน และพูดจากันด้วยเหตุผล

ส่วนกรณีที่นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่าจะให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน จึงจัดสรรตำแหน่งภายหลังนั้น  นายนิพนธ์ กล่าวว่า  เป็นดุลยพินิจของพรรคพลังประชารัฐที่จะตัดสินใจ หากต้องการเดินแบบนี้ ก็เป็นสิทธิ เพราะมีเสียง ส.ว. 250 เสียงสนับสนุนอยู่แล้ว ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจอย่างไรนั้น จะต้องหารือกันในที่ประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคและส.ส. ซึ่งขณะนี้ยังไม่กำหนดว่าจะประชุมเมื่อไหร่  โดยที่ผ่านมา การจัดตั้งรัฐบาลจะต้องทำข้อกตลงทุกอย่างให้จบก่อนแล้วจึงเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจเป็นไปพร้อมกันทีเดียว แต่คนที่เป็นแกนหลักมีสิทธิตัดสินใจ  ตนคิดว่าเจ้าของบ้านต้องมีความอดทนในการเชิญแขก แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องภายในที่พรรคพลังประชารัฐต้องจัดการ ขณะนี้เรายังเจรจากันต่อได้ภายใต้การเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะมีหลายหลักที่จะนำมาใช้ในการจัดรัฐบาลร่วมกันเพื่อให้เกิดความพอดี พูดคุยด้วยเหตุผล

เมื่อถามว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ตำแหน่งรมว.เกษตรและสหกรณ์แล้วจะสามารถผลักดันนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ต้องพิจารณาถึงกลไกในการแก้ปัญหาว่าเมื่อเรากำหนดการแก้ปัญหาพืชผลการเกษตร ต้องใช้เครื่องมือบริหารอย่างไร ซึ่งต้องพูดคุยกัน ตนเห็นว่าสิ่งที่ควรชัดเจนก่อนคือในพรรคพลังประชารัฐใครคือบุคคลที่มีอำนาจในการเจรจา เรื่องนี้จะต้องนิ่งและเป็นเอกภาพก่อน เพราะขณะนี้พรรคการเมืองที่จะไปร่วมก็ไม่ทราบว่าพูดจากับใคร