ช้าแต่ชัวร์!พปชร.-ชทพ.แฮปปี้คุยตั้งรัฐบาล
การเมือง
ต่อมาเวลา 10.10 น. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมแกนนำพรรค อาทินายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ได้เดินทางมาถึงพรรคชาติไทยพัฒนา โดยมีแกนนำพรรคชาติไทยรอให้การต้อนรับ จากนั้นได้ขึ้นไปห้องประชุมชั้น 4 ของอาคารที่ทำการพรรค เพื่อร่วมกันพูดคุย อย่างไรก็ตามทันทีที่แกนนำพลังประชารัฐเดินทางมาถึง นายประภัตร ได้จับมือทักทายกับทุกคน โดยนายสนธิรัตน์ พูดกับนายประภัตรว่า เดินทางมาตามสัญญาแล้วนะ ขณะที่นายประภัตร ได้ทักทายทุกคนที่เดินทางมา โดยเฉพาะเพื่อน ส.ส.เก่าอย่างนายสุริยะ และนายสมศักดิ์ ที่เดินเข้ามาโอบกอด ซึ่งผู้สื่อข่าวได้แซวนายสมศักดิ์ ว่า ท่านว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมาส่งเทียบเชิญนายประภัตร ให้ไปเป็นว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือไม่ นายสมศักดิ์ หันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวพร้อมอมยิ้ม และโอบไหล่นายประภัตรแล้ว พร้อมกับพูดว่า คนนี้ต้องไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี
จากนั้นทั้งนี้ภายหลังการหารือกว่า 1 ชั่วโมง น.ส.กัญจนา และนายอุตตม ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายอุตตม กล่าวว่า ต้องขอบคุณผู้บริหารพรรคชาติไทยพัฒนาทุกคนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เราได้หารือกันในเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะแนวนโยบายที่มีเพื่อมาขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม และตอบโจทย์ปัญหาประชาชน ส่วนเหตุที่มายกขบวนขันหมากมาที่พรรคชาติไทยพัฒนามาช้า เพราะแต่ละพรรคต่างมีขั้นตอนในการดำเนินการ พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำก็ต้องหารือรอบด้าน เมื่อมีความชัดเจน เราก็มานำเรียนให้พรรคชาติไทยพัฒนาทราบ วันนี้เรารู้สึกอบอุ่นมาก บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดีได้รับการต้อนรับแบบฉันมิตรไมตรี ร้านกาแฟที่นี่ก็สุดเท่ จนไม่ได้รู้สึกเลยว่า แกนนำชาติไทยพัฒนามีความน้อยใจแต่อย่างไร
เมื่อถามถึง จุดยืนของพรรคพลังประชารัฐที่อยากให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการเจรจาโควต้ารัฐมนตรี นายอุตตม กล่าวว่า พรรคไม่ได้มีจุดยืนเช่นนั้นเลย เราทำตามขั้นตอน เรายึดพี่น้องประชาชนเป็นหลัก วันนี้บ้านเมืองต้องเดินหน้าได้ ดังนั้น เราหารือระหว่างพรรคการเมืองก็ยึดเรื่องดังกล่าวเป็นหลัก
ด้าน น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ขอบคุณผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐที่ให้เกียรติเชิญพรรคชาติไทยพัฒนาเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เบื้องต้นที่ได้คุยกันเกี่ยวกับนโยบายของทั้งสองพรรค เป็นการคุยกันอย่างสร้างสรรค์ โดยมีจุดยืนร่วมกันที่อยากให้ปัญหาประเทศได้รับการแก้ไขและประเทศเดินหน้าไปได้ และยังไม่ได้คุยกันถึงเก้าอี้รัฐมนตรี เช่นเดียวกับเงื่อนไขในการโหวต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯนั้น พรรคขอดูโอกาสในการผลักดันนโยบายก่อน แม้เราจะเป็นพรรคเล็ก แต่มีจุดยืนและมีนโยบายที่อยากจะแก้ปัญหาให้กับประเทศ เราดูโอกาสว่ามีมากน้อยแค่ไหน น่าจะเป็นประเด็นหลักในการตัดสินใจ โดยคณะกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนาจะนำคำเชิญนี้เข้าหารือกันในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.)
เมื่อถามถึง การขับเคลื่อนนโยบายเกี่ยวกับเกษตร และทรัพยากรธรรมชาติ เข้าข่ายงานที่สนใจหรือไม่ น.ส.กัญจนา กล่าวติดตลกว่า “เหมือนถามกระทรวงเลย จริงๆเราก็หาเสียงหลายนโยบาย ตรงไหนทำได้มากน้อยแค่ไหน เราไม่ได้หาแค่เกษตร แต่มองเรื่องสังคมเมือง ท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข แต่คงไม่ได้ทุกกระทรวงหรอก ส่วนแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ขอประชุมก่อนพรุ่งนี้ ขอเรียนว่าบรรยากาศคุยกันฉันมิตรไมตรี บุคลิกของชาติไทยพัฒนาแต่ไหนแต่ไรมา อะไรที่ทำให้ประเทศเดินหน้าได้ เราไม่ทำตัวเป็นปัญหา ท่านมาคุยก็มีมิตรไมตรี วันนี้เราก็เลี้ยงกล้วยปิ้งท่าน ก็หวังว่าหลังจากนี้ทุกอย่างก็จะกล้วยๆขึ้น”
น.ส.กัญจนา กล่าวถึงแนวคิดฝ่ายค้านอิสระที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ ว่า ถ้าเรามีโอกาสได้ทำงานเต็มที่เข้าถึงประชาชนได้อย่างมาก เราเป็นพรรคเล็ก มีแค่ 10 เสียง โอกาสดูแลกระทรวงหลักคงแค่กระทรวงเดียว อยากจะได้กระทรวงที่มีขอบข่ายกว้างขวาง แก้ปัญหาหลักๆ ที่ลงถึงรากหญ้าได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราก็หวังว่าจะได้อยู่ตรงนั้น แต่ถ้าไม่สามารถได้โอกาสตรงนั้น ถ้าถอยออกมาเป็นอิสระ ก็จะสนับสนุนในสิ่งที่ดี อันไหนไม่เหมาะสมก็อาจจะให้ข้อคิดเห็นติติง แต่นั่นคือความคิดที่ผุดข้อเสนอฝ่ายค้านอิสระ ไม่ใช่เรื่องน้อยใจอะไร เพราะอายุปูนนี้แล้ว ที่ผ่านมามีแต่น้อยใจแต่กับคุณพ่อบรรหาร ศิลปอาชา แต่กับเพื่อนร่วมงาน ไม่มีน้อยใจ อีกทั้งวันนี้ไม่ได้มีเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว เป็นเพียงการมาเชื้อเชิญเท่านั้น
ภายหลังการพูดคุยและหารือกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เสร็จสิ้นแล้วนางสาวกัญจนาและนายวราวุธ ได้ขึ้นไปยังห้องทำงาน ที่ชั้นสองของพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อจุดธูปไหว้ รูปของนายบรรหาร โดยนายวราวุธ กล่าวถึงความรู้สึกของตัวเอง ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและตาแดง ว่า รู้สึกตื้นตันใจที่วันนี้ นางสาวกัญจนา พี่สาวและตน ได้ขับเคลื่อนพรรค ตามแนวทางของพ่อ วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นการสานต่องาน และสานต่อนโยบายการทำงานของต่างๆของพ่อได้สำเร็จ ซึ่งเชื่อว่าพ่อคงจะมองเห็น.