เหยี่ยวดงทลายแก๊งค้าสัตว์ป่าบนเฟซบุ๊กรายใหญ่
การเมือง
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ชุดปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง)กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ได้ตรวจสอบการค้าสัตว์ป่าทางอินเตอร์เน็ต ทางเฟสบุ๊กชื่อ “ฟาร์มมีสุข มีแต่เสียงนก” ซึ่งมีการประกาศขายสัตว์ป่าคุ้มครองตั้งแต่ปี 2561-2562 หลายชนิด เช่น นกแก้วโม่ง นกเอี้ยงโครง นกขุนทอง เหยี่ยวเพเรกริน โดยสืบเนื่องจากกรณีมีการสอบสวนพบว่า “ฟาร์มมีสุข มีแต่เสียงนก” มีชื่อจริงว่า นายเอกชัย สีขาว อาศัยอยู่ หมู่ที่ 3 ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก มีการค้าสัตว์ป่าโดยมอบหมายให้ บุคคลที่เกี่ยวข้องดำเนินการคือ 1.มอบหมายให้นายสุขชัย จันทวงษ์ ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “อ้วน ไจแอ้นท์” อาศัยอยู่ท้องที่ ต.บ้านกร่ำ อ.หนองโดน จ.สระบุรี ติดต่อขายลูกหมีควาย อายุประมาณ 1 เดือนให้กับสายลับของชุดเหยี่ยวดง และนายสุขชัย จันทวงษ์ ได้ส่งมอบลูกหมีควายทางรถยนต์โดยสาร พิษณุโลก-เขาค้อ-กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา และสายลับได้รับหมีควายไว้แล้วนำไปลงประจำวันที่ บก.ปทส. แล้ว 2.เจ้าหน้าที่สืบสวนเพิ่มเติมพบว่า นายสุขชัยอาศัยอยู่ที่บ้านเช่า ต.บ้านกร่ำ อ.หนองโดน จ.สระบุรี จึงนำหมายค้าของศาลจ.สระบุรีเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 17 พ.ค.พร้อมตรวจยึดเหนี่ยวนกเขาชิครา จำนวน 1 ตัว และจับกุมนายสุขชัยพร้อมยึดโทรศัพท์พร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์มาตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าข้อมูลในโทรศัพท์มีการโอนเงินค่าลูกหมีควายคืนให้กับบุคคลที่ใช้ชื่อ “นวลนภา กรองปราบ”ซึ่งอาศัยอยู่กับ “นายเอกชัย สีขาว”
ชุดเหยี่ยวดงจึงได้ร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษ 1362 สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่าสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า นายเอกชัย มีการซุกซ่อนสัตว์ป่าคุ้มครองจำนวนหนึ่งในบ้านสองหลังที่เป็นของญาติพี่น้อง ในท้องที่ อ.พรหมพิราม จึงรวบรวมเอกสารหลักฐานไปขอหมายค้นที่จังหวัดพิษณุโลก เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 103 และ 303 หมู่ 3 ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิรามในวันนี้ แต่ปรากฏว่า ไม่พบตัวนายเอกชัย พบแต่น้องชาย และญาติอยู่ในบ้านทั้งสองหลังดังกล่าว โดยพบสัตว์ป่าคุ้มครอง ดังนี้ 1.บ้านเลขที่ 103 (หลังที่ 1) พบ นกขุนทองจำนวน 1 ตัว และนกกิ้งโครงคอดำ จำนวน 1 ตัว อยู่ในกรงเหล็ก จำนวน 2 กรง โดยมี นายเนียม จงนุช เป็นเจ้าของบ้าน และแจ้งว่าตนเองเป็นญาติของนายเอกชัย ส่วนนกดังกล่าวเป็นของนายเอกชัยฝากเลี้ยงไว้ 2.บ้านเลขที่ 303 (หลังที่ 2 ) พบนกกระรางแก้มแดง อยู่ในกรงไม้ จำนวน 1 ตัว และนกกระรางคอดำหรือซอฮู้ จำนวน 10 ตัว อยู่ในกรงเหล็กจำนวน 17 กรง อยู่ภายในบ้าน โดยมีนายอนุชิต สีขาว เป็นเจ้าของบ้าน และนายอนุชา สีขาว เป็นคนดูแลให้อาหาร ซึ่งทั้งสองคนเป็นน้องชายของนายเอกขัย สีขาว และแจ้งว่า นกดังกล่าว เป็นของนายเอกชัย สีขาว ซึ่งตอนนี้ อยู่จ.พิจิตร และปิดโทรศัพท์ไม่รับสายของบุคคลทั้งสอง
คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 และ 47 ข้อหา ร่วมกันครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงควบคุมบุคคลทั้ง 3 คน และ ตรวจยึดสัตว์ป่าของกลางรวมจำนวน 4 ชนิด 14 ตัว และอุปกรณ์การกระทำผิด กรงนก จำนวน 20 กรง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ดำเนินคดีตามกฏหมาย และขอให้ออกหมายเรียก นายเอกชัย สีขาว มาดำเนินคดี ในข้อหา ค้า และครอบครอง สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมอบให้ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) เป็นผู้กล่าวโทษ และเก็บรักษาของกลางจำนวนดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้การจับกุมครั้งนี้เป็นการทลายขบวนการค้าสัตว์ป่าทางอินเตอร์เน็ตรายใหญ่อีกรายหนึ่ง ของคณะเจ้าหน้าที่ และจะได้สืบสวน ขยายผล จับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือให้ได้ต่อไป.
ชุดเหยี่ยวดงจึงได้ร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษ 1362 สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่าสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า นายเอกชัย มีการซุกซ่อนสัตว์ป่าคุ้มครองจำนวนหนึ่งในบ้านสองหลังที่เป็นของญาติพี่น้อง ในท้องที่ อ.พรหมพิราม จึงรวบรวมเอกสารหลักฐานไปขอหมายค้นที่จังหวัดพิษณุโลก เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 103 และ 303 หมู่ 3 ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิรามในวันนี้ แต่ปรากฏว่า ไม่พบตัวนายเอกชัย พบแต่น้องชาย และญาติอยู่ในบ้านทั้งสองหลังดังกล่าว โดยพบสัตว์ป่าคุ้มครอง ดังนี้ 1.บ้านเลขที่ 103 (หลังที่ 1) พบ นกขุนทองจำนวน 1 ตัว และนกกิ้งโครงคอดำ จำนวน 1 ตัว อยู่ในกรงเหล็ก จำนวน 2 กรง โดยมี นายเนียม จงนุช เป็นเจ้าของบ้าน และแจ้งว่าตนเองเป็นญาติของนายเอกชัย ส่วนนกดังกล่าวเป็นของนายเอกชัยฝากเลี้ยงไว้ 2.บ้านเลขที่ 303 (หลังที่ 2 ) พบนกกระรางแก้มแดง อยู่ในกรงไม้ จำนวน 1 ตัว และนกกระรางคอดำหรือซอฮู้ จำนวน 10 ตัว อยู่ในกรงเหล็กจำนวน 17 กรง อยู่ภายในบ้าน โดยมีนายอนุชิต สีขาว เป็นเจ้าของบ้าน และนายอนุชา สีขาว เป็นคนดูแลให้อาหาร ซึ่งทั้งสองคนเป็นน้องชายของนายเอกขัย สีขาว และแจ้งว่า นกดังกล่าว เป็นของนายเอกชัย สีขาว ซึ่งตอนนี้ อยู่จ.พิจิตร และปิดโทรศัพท์ไม่รับสายของบุคคลทั้งสอง
คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 และ 47 ข้อหา ร่วมกันครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงควบคุมบุคคลทั้ง 3 คน และ ตรวจยึดสัตว์ป่าของกลางรวมจำนวน 4 ชนิด 14 ตัว และอุปกรณ์การกระทำผิด กรงนก จำนวน 20 กรง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ดำเนินคดีตามกฏหมาย และขอให้ออกหมายเรียก นายเอกชัย สีขาว มาดำเนินคดี ในข้อหา ค้า และครอบครอง สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมอบให้ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) เป็นผู้กล่าวโทษ และเก็บรักษาของกลางจำนวนดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้การจับกุมครั้งนี้เป็นการทลายขบวนการค้าสัตว์ป่าทางอินเตอร์เน็ตรายใหญ่อีกรายหนึ่ง ของคณะเจ้าหน้าที่ และจะได้สืบสวน ขยายผล จับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือให้ได้ต่อไป.