ร้องศาลปค.สั่งเบรกขึ้นภาษียาสูบประเภทยาเส้น
การเมือง
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่สำนักงานศาลปกครอง นายภคิน วลโภคาศัย กับพวกซึ่งเป็นผู้ประกอบการผลิ ตยาสูบประเภทยาเส้น จาก จ.เพชรบูรณ์ รวม 3 ราย เดินทางมายื่นฟ้อง รมว.การคลัง และกระทรวงการคลัง ต่อศาลปกครองกลาง โดยขอให้ศาลมีคำสั่งเพิ กถอนกฎกระทรวง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่6) พ.ศ.2562 ฉบับลงวันที่ 7 พ.ค.2562 เพื่อจัดเก็บภาษีสรรพสามิตยาสู บอัตราใหม่ ที่กำหนดให้เก็บภาษีสรรพสามิตบุ หรี่ราคาไม่เกิน 60 บาท เพิ่มจาก 20% เป็น 40% แต่ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.2563 แต่ให้ปรับขึ้นอัตราภาษียาเส้ นจากอัตราเดิม กรัมละ 0.005สตางค์ เพิ่มเป็น กรัมละ 0.10บาท โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วั นที่ 8 พ.ค.2562 ทันที เนื่องจาก รมว.การคลัง และกระทรวงการคลัง ได้ออกกฎกระทรวงดังกล่าวไม่เป็ นธรรม และเลือกปฏิบัติทำให้ผู้ ประกอบการผลิตยาสูบประเภทยาเส้น และเกษตรกรผู้ผลิตยาสู บในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ มากกว่า 2,427ราย ได้รับความเดือดร้อนเสียหายอย่ างมาก เพราะเป็นการปรับขึ้นภาษีในอั ตราที่สูงมากเกินกว่าปกติ ไม่สอดคล้องกับกับต้นทุนการผลิ ตและราคาขายปลีกในท้องตลาดอย่ างสิ้นเชิง
โดยนายภคิน กล่าวว่า การออกกฎกระทรวงฉบับนี้ เป็นการเลือกใช้ปฏิบัติกับผู้ ผลิตยาเส้นและเกษตรกรผู้ปลู กยาสูบ โดยให้ขึ้นภาษี แต่สำหรับบุหรี่กลับมี การกำหนดวันล่วงหน้าให้กับผู้ ประกอบการบุหรี่รู้ล่วงหน้ าและขยายระยะเวลาจัดเก็บภาษี ออกไป ซึ่งแต่เดิมหากมีการเพิ่มอั ตราภาษีสรรพสามิตยาสูบก็จะต้ องมีการเพิ่มภาษีทั้งของบุหรี่ และยาเส้นไปพร้อมกัน จึงเห็นว่า การออกกฎกระทรวงดังกล่าวเป็ นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม เอื้อประโยชน์แก่ผู้ ประกอบการบางราย และขัดกับหลักการจัดเก็บภาษี สรรพสามิตที่จะต้องจัดเก็บภาษี อย่างเป็นธรรม วันนี้ตนจึงต้องมาร้องต่อศาล และขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่ อมีคำสั่งระงับการบังคับใช้กฎดั งกล่าวเป็นการชั่วคราวก่อนมี คำพิพากษาเพื่อบรรเทาความเดื อดร้อนผู้ประกอบการผลิตยาสู บประเภทยาเส้น และเกษตรกรผู้ผลิตยาสู บในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ.
โดยนายภคิน กล่าวว่า การออกกฎกระทรวงฉบับนี้ เป็นการเลือกใช้ปฏิบัติกับผู้