ข่าวโวยรัฐเลื่อนขึ้นภาษีบุหรี่40%เข้าข้างธุรกิจยาสูบ เมินสุขภาพปชช. - kachon.com

โวยรัฐเลื่อนขึ้นภาษีบุหรี่40%เข้าข้างธุรกิจยาสูบ เมินสุขภาพปชช.
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 7พ.ค.ที่ผ่านมาให้ขยายเวลาการปรับภาษีบุหรี่ซิกาแรตเป็นอัตราเดียวที่ 40 เปอร์เซ็นต์ ออกไปอีก 1 ปี  โดยมีผลในเดือนต.ค. 2563 จากเดิมที่ ครม. เห็นชอบเมื่อเดือนก.ย.2560 ว่า ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้สูบบุหรี่ 10 .7 ล้านคน มีผู้ป่วยด้วยโรคจากการสูบบุหรี่ที่ยังมีชีวิตอยู่หนึ่งล้านคน และข้อมูลในปี 2557 มีคนไทยที่ป่วยด้วยโรคจากการสูบบุหรี่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 580,794 ครั้ง  แต่ละครั้งเฉลี่ยอยู่โรงพยาบาลครั้งละ 6 วัน  โดยตัวเลขนี้นับเฉพาะผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วย 3 กองทุนของรัฐคือ ที่ใช้สิทธิ์บัตรทอง ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการเท่านั้น ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายมากกว่ารายได้จากธุรกิจยาสูบ ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบอย่างจริงจัง
 
“การเลื่อนปรับภาษีบุหรี่ ทำให้เสียโอกาสในการใช้เครื่องมือในการควบคุมยาสูบ เรียกร้องรัฐบาลให้ชดเชยการเลื่อนการขึ้นภาษียาสูบครั้งนี้ ด้วยการแสดงความจริงใจในการสนับสนุนการควบคุมยาสูบ ผมเข้าใจที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบ แต่เมื่อรัฐบาลตัดสินใจในนโยบายที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจยาสูบ ก็ย่อมหมายถึงผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน เพราะเรื่องยาสูบกับสุขภาพเป็นเหมือนเกมผลรวมเป็นสูญ (Zero Sum Game)คือเมื่อฝ่ายธุรกิจยาสูบได้ ก็คือสุขภาพของประชาชนที่จะเสีย รัฐบาลจึงต้องแสดงความจริงใจในการให้ความสำคัญกับการปกป้องสุขภาพ ไม่ยิ่งหย่อนกว่าการปกป้องธุรกิจยาสูบ”นพ.ประกิต กล่าว
 
นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้การควบคุมยาสูบดำเนินการ ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560  กำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมยาสูบจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นเลขานุการ ซึ่งที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลก ได้ระบุว่า โครงสร้างการควบคุมยาสูบโดยภาครัฐในระดับพื้นที่ของไทยยังถือว่าอ่อนแอ เนื่องจากพบว่า มีผู้ที่ทำงานด้านการควบคุมยาสูบอย่างเต็มเวลาเพียงจังหวัดละ 1 คนเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลแผนการควบคุมสุราควบคู่ไปด้วย ทำให้แผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบที่ผ่าน ครม.และจังหวัดต่างๆ ขาดบุคลากรที่จะดำเนินการตามแผนการควบคุมยาสูบในจังหวัดต่างๆ จึงมีความคืบหน้าล่าช้ากว่าที่ควร.