ข่าว'ธนาธร'โชว์วิสัยทัศน์นอกสภาฯ พร้อมเป็นนายกฯแห่งความจริง - kachon.com

'ธนาธร'โชว์วิสัยทัศน์นอกสภาฯ พร้อมเป็นนายกฯแห่งความจริง
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่หอประชุมใหญ่ทีโอที ภายหลังส.ส.พรรคอนาคตใหม่ตัดสินใจถอนญัตติที่เสนอต่อที่ประชุมรัฐสภาให้มีการแสดงวิสัยทัศน์แคนดิเดตนายกฯ เพราะต้องเสียเวลาการลงมติหลายชั่วโมงว่าที่ประชุมรัฐสภาจะเห็นชอบให้มีการแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่นั้น บริเวณจุดแถลงข่าว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงวิสัยทัศน์ ว่า น่าเสียดายที่ตนอดแสดงวิสัยทัศน์ หากได้รับเลือกเป็นนายกฯ จะนำพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างไร จึงขอพื้นที่ตรงนี้สื่อสารวิสัยทัศน์ไปยังคนไทยทุกคนในฐานะแคนดิเดทนายกฯ หากอยากให้สังคมไทยเป็นของคนกลุ่มเดียวในสังคม มีอำนาจชี้เป็นชี้ตาย โดยไม่ยึดหลักความชอบธรรมใด ก็คงไม่ต้องฟัง แต่ใครอยากเห็นสังคมไทยที่เป็นของคนทุกคน เคารพเสียงประชาชน คนไทยสามารถยืดอกได้อย่างสง่างาม ท่านคิดเหมือนตน ท่านมีความฝันเหมือนตน ตนธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของประชาชนไทย ตนจะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเป็นจริง จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง และจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่พาประเทศไทยไปข้างหน้า

นายธนาธร กล่าวว่า ประการแรก นายกฯแห่งความจริง ต้องยอมรับว่า การพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทยยังไม่ดีพอ อันเกิดจากปัญหาฐานรากและปัญหาเฉพาะตัว GDP ไม่อาจสะท้อนความจริงได้อีกต่อไป งบประมาณถูกใช้ไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ คนจำนวนไม่น้อยไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐ จากผู้มีอำนาจ เพื่อจะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เราจำเป็นต้องมองประเทศไทยที่เรารัก ด้วยสายตาแห่งความเป็นจริง ต้องยอมรับว่าปัญหาเหล่านี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น เศรษฐกิจและการเมืองคือเรื่องเดียวกัน มีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก ต้องแก้ปัญหาพร้อมกัน เช่น ปัญหาทุนผูกขาดก็แก้ไม่ได้ หากไม่แก้ระบบอุปถัมภ์เส้นสาย ความจริงในสังคมโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน สงครามการค้า มีพลวัตเปลี่ยนแปลงเร็ว การส่งออกที่ถดถอยกระทบต่อเราทุกคน ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหน ดังนั้นผู้นำของประเทศไทย ต้องรู้เท่าทันยุคสมัยเท่าทันโลก ประเทศไทยต้องวางตำแหน่งแห่งที่ให้เหมาะสมกับตัวเอง โดยการใช้ประโยชน์จากโลกาภิวัฒน์ให้ได้

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ประการที่สอง นายกฯแห่งความเปลี่ยนแปลง ต้องการชนปัญหาที่ต้นตอ ต้องกล้าฝัน ต้องกล้าเปลี่ยน สังคมไทยผ่านวิกฤติมามากมาย ซึ่งคนไทยก็ร่วมแรงกันฟันฝ่ามาได้ แต่วิกฤตคราวนี้ไม่ใช่สงครามรบกัน แต่เสมือนกบที่กำลังถูกต้มในน้ำที่กำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะรู้ว่าโลกเปลี่ยนไป ก็อาจสายไปเสียแล้ว การบริโภคการค้าการลงทุนอ่อนกำลังลง ในขณะที่หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะสูงขึ้น บริษัทขนาดใหญ่เติบโต แต่บริษัทเล็กไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ ความเหลื่อมล้ำทะยานมากขึ้นทุกปี แม้น้ำจะยังไม่เดือด แต่ก็ถือว่าร้อนขึ้นทุกขณะ และเมื่อน้ำเดือดก็อาจสายไปเสียแล้ว การแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่อาจสำเร็จเพียงข้ามคืน หรือเพียงคนๆเดียว แต่ต้องทำงานอย่างเป็นทีมและเป็นระบบ โดยทางออกที่ชัดเจนมีทางเดียวคือ เผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้าง เผชิญกับทุนใหญ่ และต้องกล้าชนกับความไม่เป็นธรรมอย่างตรงไปตรงมา นำบทเรียนจากต่างประเทศที่ผ่านการลองผิดลองถูกมาแล้ว มาประยุกต์ใช้กับสังคมไทย

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ประการสุดท้าย นายกฯที่จะพาประเทศไทยไปข้างหน้า นี่คือภารกิจของชีวิตตน และส.ส.ทุกคนที่มีความฝันเหมือนตน การพัฒนาเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมา เรากำลังโดนประเทศที่เริ่มต้นพัฒนาเศรษฐกิจใกล้เคียงกับเราแซงหน้าเราไปทีละประเทศมากขึ้นทุกที ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ในคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่ตอนนี้ รุ่นลูกของเรากำลังจะโดนเวียดนามแซง ซึ่งตนได้ยินตั้งแต่เล็กจนโตว่า ไทยคือประเทศกำลังพัฒนา ตนเชื่อว่าทุกคนคงไม่พอใจ ประเทศไทยมีสามารถมีสถานะเป็นประเทศโลกที่1ได้ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วเพราะเรามีศักยภาพ มีทรัพยากรเพียงพอ ที่จะกระจายความมั่งคั่งให้เกิดขึ้นอย่างเท่าเทียม ทำให้ จะดีแค่ไหน ถ้าเราสามารถส่งต่อ ประเทศไทยที่อยู่ในโลกที่หนึ่ง ให้กับลูกหลานของเราได้ ปะเทศไทยที่คนมีสิทธิเสรีภาพ มีความเป็นธรรม และไม่มีรัฐประหาร

“ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่พาประเทศไทยไปข้างหน้าและขอยืนยันหลักการประชาธิปไตยอย่างแน่วแน่อีกครั้ง ว่าผมจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านระบอบรัฐสภา ใช้กลไกที่ยึดโยงกับประชาชน มีกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลยึดมั่นในระบบนิติรัฐ และมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขควบคู่กับระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคงสถาพร แม้จะยากจะนานเพียงใด ก็ต้องยืนยันเส้นทางนี้ ไม่มีทางลัด การด่วนรัฐประหาร ล้มกระดาน บิดเบือนเสียงของประชาชนมีแต่จะพาประเทศไทยเข้าสู่ทางตัน เราต้องช่วยกันทำให้ ส.ส. เป็นผู้แทนของราษฎร ไม่ใช่ ตัวแทนของอำนาจนอกระบบ อำนาจทหาร และอำนาจทุน ช่วยกันทำให้รัฐสภาเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ เป็นสถานที่ที่ปัญหาของประชาชนถูกนำมาถกเถียงเพื่อหาทางออก ไม่ใช่ สถานที่ที่ผู้คนเอือมระอา เสียดายคะแนนเสียงของตัวเอง และหมดศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย ทั้งหมดนี้เป็นภารกิจแห่งประวัติศาสตร์ ในห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์”นายธนาธร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร ในฐานะแคนดิเดทนายกฯ เดินทางมาเตรียมตัวแสดงวิสัยทัศน์ยังห้องรับรองบริเวณหอประชุมใหญ่ทีโอทีตั้งแต่ช่วงเช้า มีการซักซ้อมอ่านคำแถลงวิสัยทัศน์อย่างมุ่นมั่นกับทีมงานและส.ส.พรรคอนาคตใหม่อย่างใกล้ชิด จนในที่สุดตัดสินใจถอนญัตติขอแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อไม่ให้เสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์แทน.