ข่าวจับตา!'พปชร.'ดีลตั้งรัฐบาล ไม่รอดการเมืองขั้วที่3มาแน่ - kachon.com

จับตา!'พปชร.'ดีลตั้งรัฐบาล ไม่รอดการเมืองขั้วที่3มาแน่
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
สำหรับความเคลื่อนไหวทางการเมืองยังอยู่ในสภาวะตึงเครียด เนื่องจากการเจรจาต่อรองเรื่องผลประโยชน์ยังไม่ลงตัว  โดยเฉพาะพรรคแกนนำหลักคือพรรค “พลังประชารัฐ”อาจถึงขั้นกุมขมับ เพราะเดินสายเทียบเชิญไปแล้วทั้ง”ภูมิใจไทย” “ประชาธิปัตย์” รวมทั้งช่วยกันโหวตสนับสนุนนายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ทุกอย่างยังดูอึมครึม แม้กระทั่งใน”พลังประชารัฐ”เอง ที่มีกระแสข่าวความขัดแย้งแย่งกระทรวงกันในกลุ่มต่างๆ จนถึงขั้นกลุ่มสามมิตรจะถอนตัวออกจากพรรค
 
ส่วนความเคลื่อนไหวการจัดตั้งรัฐบาล ที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เมื่อวานนี้ ( 30 พ.ค.) ล่าสุดมีการส่งสัญญาณจากผู้ใหญ่ในรัฐบาล ให้ฝ่ายการเมืองเป็นผู้ดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อให้เป็นรูปแบบของการเมืองมากขึ้น โดยมีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค เป็นผู้ดำเนินการ สอดคล้องกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ระบุเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า การตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคร่วมโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย อาจไม่สบายใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่าจะเป็นผู้พิจารณารายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ด้วยตัวเอง


อย่างไรก็ตาม จากการเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ก่อนหน้านี้ มีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณากัน ซึ่งอาจมีการเกลี่ยกระทรวงกันใหม่ จากเดิมที่วางไว้แล้ว โดยพิจารณาที่ด้านนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง โดยตำแหน่งในกระทรวงต่างๆ จะต้องจัดลำดับความสำคัญ และคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย ทั้งนี้ พรรค พปชร.ตั้งเป้าจะตกลงกันให้ได้ก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี  แต่ในขั้นสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นคนเคาะรายชื่อบุคคลต่างๆ ว่าเหมาะกับตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงที่ได้รับหรือไม่

รายงานข่าวแจ้งว่า แกนนำ พปชร.มองว่า หากภาพรวมกระทรวงเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม ฯลฯ ไม่ได้เป็นของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็จะกระทบกับคนชนบทซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้น จึงต้องมาร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบ
มีรายงานว่า ในส่วนของพรรค พปชร.ไม่ได้กังวลการรวมเสียงโหวตนายกรัฐมนตรี เพราะแม้ยังตกลงกับพรรคร่วมไม่ได้ แต่กลไกตามรัฐธรรมนูญยังเปิดช่องให้ ส.ว.สามารถร่วมโหวตนายกฯได้ ซึ่งเมื่อรวมเสียงพรรค พปชร.กับพรรคที่ออกตัวแล้วว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรค พปชร. เมื่อรวมกับ ส.ว.250 คน มั่นใจว่าจะได้เสียงเกิน 376 เสียง  ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา โดยพรรค พปชร.จะใช้แนวทางเลือกนี้ก็ต่อเมื่อ ไม่สามารถปิดดีลกับพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยได้ โดยจะโหวตนายกรัฐมนตรีไปก่อนแล้วค่อยคุยกับ 2 พรรคต่อในภายหลัง


ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อช่วงเช้า นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ได้เดินทางมาถึงพรรคชาติไทยพัฒนา โดยมีแกนนำพรรคชาติไทย อาทิ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค นายวราวุธ ประธานนโยบาย และยุทธศาสตร์พรรค นายธีระ วงศ์สมุทร ประธานคณะกรรมการดำเนินกิจกรรมของพรรคและนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ให้การต้อนรับ

จากนั้นได้ขึ้นไปห้องประชุมชั้น 4 ของอาคารที่ทำการพรรค เพื่อร่วมกันพูดคุย อย่างไรก็ตามทันทีที่แกนนำพลังประชารัฐเดินทางมาถึง นายประภัตร ได้จับมือทักทายกับทุกคน โดยนายสนธิรัตน์ พูดกับนายประภัตรว่า เดินทางมาตามสัญญาแล้วนะ ขณะที่นายประภัตร ได้ทักทายทุกคนที่เดินทางมา โดยเฉพาะเพื่อน ส.ส.เก่าอย่างนายสุริยะ และนายสมศักดิ์ ที่เดินเข้ามาโอบกอด ซึ่งผู้สื่อข่าวได้แซวนายสมศักดิ์ ว่า ท่านว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมาส่งเทียบเชิญนายประภัตร ให้ไปเป็นว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือไม่ นายสมศักดิ์ หันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวพร้อมอมยิ้ม และโอบไหล่นายประภัตรแล้ว พร้อมกับพูดว่า คนนี้ต้องไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี

 น.ส.กัญจนา และนายอุตตม  ได้ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการหารือ โดยนายอุตตม กล่าวว่า ต้องขอบคุณผู้บริหารพรรคชาติไทยพัฒนาทุกคนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เราได้หารือกันในเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะแนวนโยบายที่มีเพื่อมาขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม และตอบโจทย์ปัญหาประชาชน ส่วนเหตุที่มายกขบวนขันหมากมาที่พรรคชาติไทยพัฒนามาช้า เพราะแต่ละพรรคต่างมีขั้นตอนในการดำเนินการ พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำก็ต้องหารือรอบด้าน เมื่อมีความชัดเจน เราก็มานำเรียนให้พรรคชาติไทยพัฒนาทราบ วันนี้เรารู้สึกอบอุ่นมาก บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดีได้รับการต้อนรับแบบฉันมิตรไมตรี ร้านกาแฟที่นี่ก็สุดเท่ จนไม่ได้รู้สึกเลยว่า แกนนำชาติไทยพัฒนามีความน้อยใจแต่อย่างไร

ด้าน น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ขอบคุณผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐที่ให้เกียรติเชิญพรรคชาติไทยพัฒนาเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เบื้องต้นที่ได้คุยกันเกี่ยวกับนโยบายของทั้งสองพรรค เป็นการคุยกันอย่างสร้างสรรค์ โดยมีจุดยืนร่วมกันที่อยากให้ปัญหาประเทศได้รับการแก้ไขและประเทศเดินหน้าไปได้ และยังไม่ได้คุยกันถึงเก้าอี้รัฐมนตรี เช่นเดียวกับเงื่อนไขในการโหวต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯนั้น พรรคขอดูโอกาสในการผลักดันนโยบายก่อน แม้เราจะเป็นพรรคเล็ก แต่มีจุดยืนและมีนโยบายที่อยากจะแก้ปัญหาให้กับประเทศ เราดูโอกาสว่ามีมากน้อยแค่ไหน น่าจะเป็นประเด็นหลักในการตัดสินใจ โดยคณะกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนาจะนำคำเชิญนี้เข้าหารือกันในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.).


ขณะที่นายเทพไท  เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความว่างเปล่าเพราะแกนนำ พปชร.ยังไม่ส่งสัญญาณใดๆกลับมายังพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องให้โอกาส พปชร.ไปเคลียร์ปัญหาภายในกันเองให้เรียบร้อยก่อน ระหว่างนี้ให้เขาเดินสายทาบทามพรรคอื่นไปพลางเพื่อให้มีเสียงสนับสนุนเกิน 250 เสียง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องรอข้อมูลเพื่อกำหนดท่าทีว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าที่ประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส.พรรค จะมีท่าทีอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน ยืนยันไม่แทงกั๊ก หรือเปิดฟรีโหวต เพราะพรรคต้องการเอกภาพว่าเราจะกำหนดทิศทางเข้าร่วมรัฐบาลกับพปชร.หรือไม่  ซึ่งหากพปชร.ยังเดินเกมการเมืองเช่นนี้ เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเจอทางตัน ที่สุดจะมีเสียงเรียกร้องให้มีขั้วที่ 3 ออกมาจัดตั้งรัฐบาลแทนมากขึ้นเรื่อยๆ

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า   ปัญหายึกยักหรือกั๊ก ไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ แต่อยู่ที่พรรคแกนนำพรรคพลังประชารัฐเองที่ยังตกลงกันไม่ได้ ส่วนภายในของพรรคเรานั้น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้องบังคับพรรค ถ้าไม่ปฏิบัติตาม มีโทษตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี คือถ้าได้ข้อมูลจากพรรคเขา แกนนำของพรรคเรานำเข้าพิจารณาในที่ประชุมร่วม กรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ปัจจุบัน เพื่อลงมติว่าจะรับเงื่อนไขเพื่อร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วม ที่ประชุมนี้จะเป็นผู้ตัดสิน ตามกฎหมาย.


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ “Thanathorn Juangroongruangkit” ระบุว่า “สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน แต่สัตว์บางตัวเท่าเทียมกว่าตัวอื่นๆ” นี่คือวาทะของหมูใน Animal Farm หนังสือที่ประยุทธ์แนะนำให้คนไทยอ่าน มาช่วยกันครับ สร้างสังคมที่ “คนเท่ากัน” โดยไม่ต้องมีใคร “เท่าเทียมกว่า” ใคร ผมและ #อนาคตใหม่ จะยุติการสืบทอดอำนาจของ คสช.ให้ได้ #หมดเวลาหมูครองเมือง


ส่วนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย  ได้โพสต์ข้อความระบุว่า Animal Farm ฉบับ ชูวิทย์  ท่านนายกฯลุงตู่ อุตส่าห์แนะนำให้เด็กไทยอ่านหนังสือเรื่อง Animal Farm ของนักเขียนชาวอังกฤษ นามปากกา จอร์จ ออร์เวลล์ ผมเลยถือโอกาสเอามาใช้กับการเมืองไทยยุคปัจจุบัน ให้เข้าสมัยนิยม หวังว่าจอร์จแกคงไม่ว่า เพราะแกเขียนไว้นมนานแล้ว เป็นแนวเสียดสีการเมือง แต่เรื่องบังเอิญไปตรงกับไทยอย่างเหลือเชื่อ


ทั้งนี้นายชูวิทย์ได้ร่ายยาว โดยยกตัวอย่างสัตว์ชนิดต่างๆที่อยู่ในฟาร์มขึ้นมาเปรียบเปรย โดยเฉพาะเจ้าของฟาร์ม ที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่สนใจเรื่องสิทธิเสรีภาพ ออกแนวโหด ชอบสั่งการ ขี้บ่น แต่สุดท้ายก็มีเพียงแนวคิดเดียวคือ คือ “เจ้าของฟาร์มต้องอยู่รอดเสมอ” หากสัตว์ตัวไหนไม่เชื่อฟังก็จะถูกจับใส่กรงขังเดี่ยว ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน และสัตว์อื่นๆ อย่าได้สะเออะมีปากเสียง ไปเดิน 2 ขาใส่สูทเหมือนคนไม่ได้เด็ดขาด สัตว์ต้องอยู่อย่างสัตว์เท่านั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขันหมากมาแล้ว!'พปชร.-ชทพ.'แฮปปี้ คุยจัดตั้งรัฐบาล(คลิป)...
"ธนาธร"ผุดแฮชแท็ก#หมดเวลาหมูครองเมือง ...
ปชป.ชี้พปชร.ยึกยักเคลียร์ตัวเองไม่จบ...
'เทพไท'ยัน'ปชป.'ไม่แทงกั๊ก หนุนให้'บิ๊กตู่'ถอยเพื่อชาติ...
'Animal Farm'ฉบับ'ชูวิทย์' เทียบเห็นภาพชัดตั้งรัฐบาล