'5มิ.ย.'ประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯคนใหม่ รู้แน่ใครมาวิน
การเมือง
Webmaster
2019-06-03 07:20:00
9
Webmaster
2019-06-03 07:20:00
9
-
สนับสนุนเนื่อหา
ฝุ่นตลบทีเดียวสำหรับ"แอนิมอล ฟาร์ม"ที่ตอนนี้ บางพรรคยังเล่นแง่ ชักเข้า ชักออก ไม่รู้จะเอายังไงแน่ แม้ว่าชาวบ้านชาวช่องเขาจะรู้กันแล้วแบบไม่ต้องไปปรึกษาหารือ ประชุมพรรค แต่ละครก็คือละคร เพราะสุดท้ายแล้ววันที่ 5 มิ.ย.นี้ก็ต้องโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่ดี และรู้ทั้งรู้ว่าชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นใคร เพราะภายใต้"รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา"ย่อมหนีไม่พ้น
สำหรับความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อเตรียมความพร้อมโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 5 มิ.ย.เมื่อวานนี้ ( 2 มิ.ย.)นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย(ภท.)กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้รับทราบกำหนดการประชุมรัฐสภาในวันดังกล่าวแล้ว ซึ่งตามปกติก่อนการประชุมสภาทุกครั้งจะต้องมีการนัดประชุมส.ส.ภายในพรรคก่อนเสมอ แต่จนถึงตอนนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคยังไม่ได้แจ้งส.ส.พรรคว่าจะต้องมีการประชุมก่อนวันที่ 5 มิ.ย.หรือไม่ ดังนั้นจึงยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเป็นพิเศษ
ขณะที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส.ของพรรค ในวันที่ 4 มิ.ย.เวลา 13.30 น. ตนเองจะเสนอชื่อ ให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย ขึ้นชิง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แข่งกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 ของพรรคในการชูหาเสียงเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านมา และทำให้เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง รวมทั้งเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ทางการเมือง เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่บนเวทีได้บอกคนอีสานว่าจะเอาคุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี คนอีสานจึงเทคะแนนเสียงให้กับพรรคเพื่อไทยอย่างถล่มทะลาย
ด้านนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า 7 พรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยซึ่งมี 246 เสียง ประกาศย้ำจุดยืนอยู่เสมอว่าจะต่อต้านการสืบทอดอำนาจจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนำประชาธิปไตยกับคืนมา ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะให้สิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเฉพาะ ส.ส.เท่านั้น และจะต้องเร่งฟื้นฟูแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องโดยเร็ว
ส่วนการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะได้ข้อสรุปว่า จะเสนอใครหลังจากการหารือร่วมกันของทั้ง 7 พรรคซึ่งจะรู้ชื่อก่อน 5 มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมายังไม่เคยได้ยินว่าพรรคพลังประชารัฐซึ่งมี 116 เสียงประกาศต่อสาธารณะชนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเลย ดังนั้นทุกพรรคการเมืองที่จะประชุมและมีมติพรรคว่าจะตัดสินใจเข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ควรไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนที่จะถูกหลอก ตัดสินใจผิดพลาด โดยต้องคำนึงถึงเงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญด้วย ดังนั้นมติของทุกพรรคการเมืองวันที่ 4 มิ.ย. นี้จะเป็นการตอบประชาชนว่าจะมีพรรคใดบ้างที่จะร่วมสืบทอดอำนาจ คสช.อีก เพื่อประชาชนจะได้ให้บทเรียนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) กล่าวว่า ในส่วนของ 7 พรรคการเมืองแนวร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ว่า แม้พรรคอนค.จะมีจุดยืนในการสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกฯ แต่ระหว่าง 7 พรรคการเมืองคงต้องมีการเจรจา ดูข้อดีข้อเสียและจุดยืนของแต่ละพรรค โดยพรรคยืนยันเรื่องเป้าหมายสูงสุด คือการยุติการสืบทอดของคสช. ส่วนกรณีนางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอให้แคนดิเดตนายกฯแสดงวิสัยทัศน์ก่อนให้ที่ประชุมร่วมของรัฐสภาโหวตเลือกนั้น เป็นเรื่องที่ดีแน่นอน แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะถูกก่อกวนและประท้วงเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. เสนอให้แคนดิเดตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แสดงวิสัยทัศน์
ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล คณะกรรมการทำงานฝ่ายหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 มิ.ย. ว่า การที่รัฐสภาปัจจุบัน อันประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฏร 500 คน และวุฒิสมาชิก250 คน รวมเป็นสมาชิกรัฐสภา 750 คน จะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ นับได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ผ่านมาเราเลือกนายกฯ กันในสภาผู้แทนราษฏร ครั้งนี้เป็นพิเศษแตกต่างจากอดีต เพื่อการสืบทอดอำนาจหรือไม่คงไม่ต้องเถียงอะไรกันให้เมื่อยปาก เพราะกติกาที่เห็นๆ กันอยู่ชี้ชัดอยู่แล้ว ฝ่ายหนึ่งตัองการเสียงส.ส.เพียง 126 คนก็ได้เป็นนายกฯแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งรวมเสียงส.ส.ได้มากกว่า 250 เสียงเกินครึ่งของสภาผู้แทนก็ยังเป็นนายกฯ ไม่ได้
การโหวตนายกฯ ครั้งนี้โดยภาพทางการเมืองที่เห็น ดูไปเหมือนจะเป็นงานสบายหมูๆ แต่ตนเองเห็นว่าเป็นงานหินเอามากๆ เหตุผลสำคัญเพราะการเลือกนายกฯ มีความแตกต่างไปจากอดีต เดิมนายกฯ มาจากส.ส.ใครเป็นส.ส.ก็เป็นนายกฯได้ ใครไม่ใช่ส.ส.ไม่มีสิทธิเป็นนายกฯ ที่ผ่านมาจึงไม่ต้องพูดอภิปรายอะไรกันมาก ครั้งนี้ให้รัฐสภาต้องเลือกนายกฯ จากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอตอนเลือกตั้งก่อน โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ถูกเสนอต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นรัฐมนตรี แสดงว่าบุคคลที่รัฐสภาจะพิจารณามีมติให้เป็นนายกฯ นั้นต้องพิจารณาเสียก่อนว่ามีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นนายกฯ คงไม่ใช่ถึงเวลาก็จะโหวตกันเลยว่าจะเลือกใคร ที่ผ่านมาปัญหาการดำรงตำแหน่งหัวหน้าคสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ต้องห้ามมิให้เสนอให้เป็นนายกฯ เพราะเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ต้องถือว่าเป็นประเด็นปัญหาที่ยังไม่ได้ฟันธงมีข้อยุติชัดเจนแต่อย่างใด
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาต่อมาคงต้องพิจารณากันโดยรอบคอบคือการที่ส.ว.ชุดปัจจุบันนี้ที่จะไปใช้สิทธิเลือกนายกฯ ในรัฐสภา ที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กรรมการสรรหาไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ใช่ผู้เป็นกลางทางการเมือง เรื่องใหญ่มากๆ คือการที่ หัวหน้าคสช.มาเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ โดยพรรคการเมืองจึงเกิดปรากฏการณ์ไม่ยอมเปิดเผยกรรมการสรรหากระบวนการสรรหา ภายหลังเห็นมีผู้เป็นกรรมการสรรหาเองไปเป็นส.ว.เสียเอง การที่หัวหน้าคสช.ซึ่งเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ โดยพรรคพลังประชารัฐ และเป็นผู้คัดเลือกส.ว.จากกรรมการสรรหาเสนอมา เป็นผู้ลงนามรับสนองฯ และในที่สุดส.ว.ทั้งหลายจะเป็นผู้มาเลือกตนเองให้เป็นนายกฯ ตามบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอ ทำนองผลัดกันเกาหลัง ชงเองกินเอง จึงมีปัญหาว่าส.ว.ผู้โหวตได้กระทำการอันขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีสิทธิถูกร้องว่ากระทำผิดทั้งรัฐธรรมนูญและมาตรฐานทางจริยธรรม มีผลร้ายอย่างไรก็ไปเปิดรัฐธรรมนูญดูกันเอง จึงฟันธงว่าไม่หมู งานยาก อย่าคิดว่าเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจไว้ดีแล้ว อะไรที่มันผิดธรรมชาติ ดึงดันจะเอาแบบนี้ ที่สุดคืออวสาน
งานนี้แม้จะรู้ว่าผลลัพท์สุดท้ายออกมาอย่างไร แต่การเสนอชื่อคนอื่นนอกเหนือจาก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"มาสู้ย่อมเป็นทางเลือกและดีกว่าไม่สู้เสียเลย เพราะไม่ว่าแพ้หรือชนะนั่นก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว
"ชูศักดิ์"ชี้โหวตนายกฯไม่ใช่งานหมูของรัฐสภาชุดนี้..
พปชร.ไม่เคยประกาศแก้รธน.!!เตือนถูกหลอกให้โหวต'บิ๊กตู่'...
ชี้เหมาะทุกด้าน!เด็กพท.ยืนกราน ดัน'เจ๊หน่อย'ชิงนายกฯ...
'อนค.'หนุนแคนดิเดตนายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ก่อนโหวต...
ภท.ยังนิ่ง'เสี่ยหนู'ยังไม่นัดถก ก่อนโหวตเลือกนายกฯ...
สำหรับความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อเตรียมความพร้อมโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 5 มิ.ย.เมื่อวานนี้ ( 2 มิ.ย.)นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย(ภท.)กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้รับทราบกำหนดการประชุมรัฐสภาในวันดังกล่าวแล้ว ซึ่งตามปกติก่อนการประชุมสภาทุกครั้งจะต้องมีการนัดประชุมส.ส.ภายในพรรคก่อนเสมอ แต่จนถึงตอนนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคยังไม่ได้แจ้งส.ส.พรรคว่าจะต้องมีการประชุมก่อนวันที่ 5 มิ.ย.หรือไม่ ดังนั้นจึงยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเป็นพิเศษ
ขณะที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส.ของพรรค ในวันที่ 4 มิ.ย.เวลา 13.30 น. ตนเองจะเสนอชื่อ ให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย ขึ้นชิง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แข่งกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 ของพรรคในการชูหาเสียงเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านมา และทำให้เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง รวมทั้งเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ทางการเมือง เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่บนเวทีได้บอกคนอีสานว่าจะเอาคุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี คนอีสานจึงเทคะแนนเสียงให้กับพรรคเพื่อไทยอย่างถล่มทะลาย
ด้านนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า 7 พรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยซึ่งมี 246 เสียง ประกาศย้ำจุดยืนอยู่เสมอว่าจะต่อต้านการสืบทอดอำนาจจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนำประชาธิปไตยกับคืนมา ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะให้สิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเฉพาะ ส.ส.เท่านั้น และจะต้องเร่งฟื้นฟูแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องโดยเร็ว
ส่วนการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะได้ข้อสรุปว่า จะเสนอใครหลังจากการหารือร่วมกันของทั้ง 7 พรรคซึ่งจะรู้ชื่อก่อน 5 มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมายังไม่เคยได้ยินว่าพรรคพลังประชารัฐซึ่งมี 116 เสียงประกาศต่อสาธารณะชนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเลย ดังนั้นทุกพรรคการเมืองที่จะประชุมและมีมติพรรคว่าจะตัดสินใจเข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ควรไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนที่จะถูกหลอก ตัดสินใจผิดพลาด โดยต้องคำนึงถึงเงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญด้วย ดังนั้นมติของทุกพรรคการเมืองวันที่ 4 มิ.ย. นี้จะเป็นการตอบประชาชนว่าจะมีพรรคใดบ้างที่จะร่วมสืบทอดอำนาจ คสช.อีก เพื่อประชาชนจะได้ให้บทเรียนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) กล่าวว่า ในส่วนของ 7 พรรคการเมืองแนวร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ว่า แม้พรรคอนค.จะมีจุดยืนในการสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกฯ แต่ระหว่าง 7 พรรคการเมืองคงต้องมีการเจรจา ดูข้อดีข้อเสียและจุดยืนของแต่ละพรรค โดยพรรคยืนยันเรื่องเป้าหมายสูงสุด คือการยุติการสืบทอดของคสช. ส่วนกรณีนางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอให้แคนดิเดตนายกฯแสดงวิสัยทัศน์ก่อนให้ที่ประชุมร่วมของรัฐสภาโหวตเลือกนั้น เป็นเรื่องที่ดีแน่นอน แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะถูกก่อกวนและประท้วงเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. เสนอให้แคนดิเดตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แสดงวิสัยทัศน์
ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล คณะกรรมการทำงานฝ่ายหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 มิ.ย. ว่า การที่รัฐสภาปัจจุบัน อันประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฏร 500 คน และวุฒิสมาชิก250 คน รวมเป็นสมาชิกรัฐสภา 750 คน จะลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ นับได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ผ่านมาเราเลือกนายกฯ กันในสภาผู้แทนราษฏร ครั้งนี้เป็นพิเศษแตกต่างจากอดีต เพื่อการสืบทอดอำนาจหรือไม่คงไม่ต้องเถียงอะไรกันให้เมื่อยปาก เพราะกติกาที่เห็นๆ กันอยู่ชี้ชัดอยู่แล้ว ฝ่ายหนึ่งตัองการเสียงส.ส.เพียง 126 คนก็ได้เป็นนายกฯแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งรวมเสียงส.ส.ได้มากกว่า 250 เสียงเกินครึ่งของสภาผู้แทนก็ยังเป็นนายกฯ ไม่ได้
การโหวตนายกฯ ครั้งนี้โดยภาพทางการเมืองที่เห็น ดูไปเหมือนจะเป็นงานสบายหมูๆ แต่ตนเองเห็นว่าเป็นงานหินเอามากๆ เหตุผลสำคัญเพราะการเลือกนายกฯ มีความแตกต่างไปจากอดีต เดิมนายกฯ มาจากส.ส.ใครเป็นส.ส.ก็เป็นนายกฯได้ ใครไม่ใช่ส.ส.ไม่มีสิทธิเป็นนายกฯ ที่ผ่านมาจึงไม่ต้องพูดอภิปรายอะไรกันมาก ครั้งนี้ให้รัฐสภาต้องเลือกนายกฯ จากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอตอนเลือกตั้งก่อน โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ถูกเสนอต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นรัฐมนตรี แสดงว่าบุคคลที่รัฐสภาจะพิจารณามีมติให้เป็นนายกฯ นั้นต้องพิจารณาเสียก่อนว่ามีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นนายกฯ คงไม่ใช่ถึงเวลาก็จะโหวตกันเลยว่าจะเลือกใคร ที่ผ่านมาปัญหาการดำรงตำแหน่งหัวหน้าคสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ต้องห้ามมิให้เสนอให้เป็นนายกฯ เพราะเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ต้องถือว่าเป็นประเด็นปัญหาที่ยังไม่ได้ฟันธงมีข้อยุติชัดเจนแต่อย่างใด
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาต่อมาคงต้องพิจารณากันโดยรอบคอบคือการที่ส.ว.ชุดปัจจุบันนี้ที่จะไปใช้สิทธิเลือกนายกฯ ในรัฐสภา ที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กรรมการสรรหาไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ใช่ผู้เป็นกลางทางการเมือง เรื่องใหญ่มากๆ คือการที่ หัวหน้าคสช.มาเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ โดยพรรคการเมืองจึงเกิดปรากฏการณ์ไม่ยอมเปิดเผยกรรมการสรรหากระบวนการสรรหา ภายหลังเห็นมีผู้เป็นกรรมการสรรหาเองไปเป็นส.ว.เสียเอง การที่หัวหน้าคสช.ซึ่งเป็นผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ โดยพรรคพลังประชารัฐ และเป็นผู้คัดเลือกส.ว.จากกรรมการสรรหาเสนอมา เป็นผู้ลงนามรับสนองฯ และในที่สุดส.ว.ทั้งหลายจะเป็นผู้มาเลือกตนเองให้เป็นนายกฯ ตามบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอ ทำนองผลัดกันเกาหลัง ชงเองกินเอง จึงมีปัญหาว่าส.ว.ผู้โหวตได้กระทำการอันขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีสิทธิถูกร้องว่ากระทำผิดทั้งรัฐธรรมนูญและมาตรฐานทางจริยธรรม มีผลร้ายอย่างไรก็ไปเปิดรัฐธรรมนูญดูกันเอง จึงฟันธงว่าไม่หมู งานยาก อย่าคิดว่าเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจไว้ดีแล้ว อะไรที่มันผิดธรรมชาติ ดึงดันจะเอาแบบนี้ ที่สุดคืออวสาน
งานนี้แม้จะรู้ว่าผลลัพท์สุดท้ายออกมาอย่างไร แต่การเสนอชื่อคนอื่นนอกเหนือจาก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"มาสู้ย่อมเป็นทางเลือกและดีกว่าไม่สู้เสียเลย เพราะไม่ว่าแพ้หรือชนะนั่นก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว
"ชูศักดิ์"ชี้โหวตนายกฯไม่ใช่งานหมูของรัฐสภาชุดนี้..
พปชร.ไม่เคยประกาศแก้รธน.!!เตือนถูกหลอกให้โหวต'บิ๊กตู่'...
ชี้เหมาะทุกด้าน!เด็กพท.ยืนกราน ดัน'เจ๊หน่อย'ชิงนายกฯ...
'อนค.'หนุนแคนดิเดตนายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ก่อนโหวต...
ภท.ยังนิ่ง'เสี่ยหนู'ยังไม่นัดถก ก่อนโหวตเลือกนายกฯ...
